- Home
- /
- Privacy Notice for Employee...
Privacy Notice For Employee and Candidate
ประกาศความเป็นส่วนตัว ( Privacy Notice ) ของ พนักงาน และผู้สมัครงาน
บริษัทตระหนักให้ความสำคัญและมีความจำเป็นต้องปฏิบัติตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ.2562 เพื่อเป็นการรับรองสิทธิของบุคคลที่จะต้องได้รับความคุ้มครองเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ เปิดเผย (“ประมวลผล”) ข้อมูลส่วนบุคคล โดยเอกสารฉบับนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อแจ้งวิธีการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน บริษัทขอให้ท่านโปรดอ่านเอกสารฉบับนี้เพื่อรับทราบและทำความเข้าใจในวัตถุประสงค์ที่บริษัทได้เก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน
1.วัตถุประสงค์ของการเก็บและใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของ พนักงาน และผู้สมัครงาน
การเก็บข้อมูลส่วนบุคคล : ในการสมัครงานหรือการทำสัญญาจ้างเป็นลูกจ้างของบริษัทนั้น ท่านจำเป็นต้องให้ข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งสามารถระบุตัวตนของท่านได้แก่บริษัท เพื่อประมวลผลพิจารณาคุณสมบัติ รวมถึงเป็นหลักฐานในการทำสัญญาจ้างในกรณีที่ท่านผ่านการพิจารณา รวมถึงเพื่อการติดต่อประสานงาน การบริหารจัดการข้อมูล การดำเนินการเกี่ยวกับแรงงาน ภาษี การจัดสวัสดิการ การฝึกอบรมพัฒนา และการอื่นใดอันจำเป็นในการปฏิบัติอันเกี่ยวกับการจ้างงานเท่านั้น
การเก็บข้อมูลจากแหล่งอื่น : บริษัทอาจทำการเก็บรวบรวมข้อมูลจากแหล่งอื่น เช่น ในสื่อสังคมออนไลน์ เว็ปไซต์หรือบริษัทจัดหางาน สถาบันการศึกษา บุคคลอ้างอิง หรือจากบริษัทที่ท่านเคยร่วมงาน ตามข้อมูลซึ่งท่านได้ให้ไว้ โดยได้รับความยินยอมจากท่าน
การประมวลผลข้อมูล : บริษัทดำเนินการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านภายใต้ฐานการประมวลผล ดังต่อไปนี้
❒ ฐานสัญญา (Contract) : เมื่อท่านประสงค์จะทำการยื่นสมัครงานหรือทำสัญญาจ้างเป็นพนักงานของบริษัท จำเป็นที่ท่านต้องให้ข้อมูลส่วนบุคคลแก่บริษัท เพื่อบริษัทสามารถใช้ข้อมูลของท่านประมวลผลพิจารณาการสมัครงานหรือทำสัญญาจ้างได้ หากท่านไม่ให้ข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวบริษัทไม่อาจพิจารณาการสมัครงานของท่านรวมถึงไม่อาจทำสัญญาจ้างงานกับท่านได้
❒ ฐานความยินยอม (Consent) : บริษัท อาจใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเพื่อการอย่างอื่นนอกจากการพิจารณาการสมัครงานหรือการดำเนินการอันเกี่ยวกับลูกจ้างโดยได้รับความยินยอมจากท่าน เว้นแต่เข้าข้อยกเว้นไม่ต้องขอความยินยอมตามกฎหมาย ในการนี้หากท่านประสงค์จะถอนความยินยอมท่านสามารถติดต่อบริษัทและแจ้งความประสงค์ได้ตาม ข้อ 4. ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล
❒ ฐานจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย (Legitimate Interest) : บริษัทอาจนำข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปใช้ในการประมวลผลเพื่อการจัดการและการจัดทำรายงานภายในบริษัท การบริหารจัดการมาตรฐานการทำงาน การบริหารจัดการความเสี่ยงการตรวจสอบภายใน อันเป็นกรณีฐานจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย
❒ ฐานการปฏิบัติตามกฎหมาย (Legal Obligation) : บริษัทอาจนำข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปใช้ในการประมวลผลเพื่อการปฏิบัติตามกฎหมายที่กำกับดูแล เช่น พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ.2535, พระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 พระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ.2541 พระราชบัญญัติประกันสังคม พ.ศ.2533 พระราชบัญญัติเงินทดแทน พ.ศ.2537 และกฎหมายอื่นที่บริษัทต้องอยู่ภายใต้บังคับให้ส่งข้อมูลส่วนบุคคล เช่น ประมวลวิธีพิจารณาความแพ่ง ที่ให้อำนาจศาลสั่งให้คู่ความส่งเอกสารหรือข้อมูลในการพิจารณาคดี เป็นต้น อันเป็นกรณีฐานการปฏิบัติตามกฎหมาย”
2.ข้อมูลส่วนบุคคลที่จะทำการประมวลผลและระยะเวลาในการเก็บรักษา
2.1 บริษัทจะทำการเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของท่านตามที่ปรากฏในแบบฟอร์มใบสมัครงาน รวมถึงข้อมูลเพิ่มเติมซึ่งท่านได้นำส่งหรือให้รายละเอียดเพิ่มเติมต่อบริษัท
2.2 บริษัท จะทำการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลตลอดจนเอกสารอันเป็นข้อมูลส่วนบุคคลท่านไว้ดังนี้
❒ กรณีไม่ผ่านการพิจารณา บริษัทจะทำการเก็บข้อมูลของท่านไว้ เพื่อสิทธิประโยชน์ในการพิจารณาตำแหน่งว่างที่เหมาะสมในอนาคตเป็นเวลาไม่เกิน 6 เดือน
❒ กรณีผ่านการพิจารณาและทำสัญญาเป็นลูกจ้างของบริษัท บริษัท จะทำการเก็บข้อมูลส่วนบุคคลไว้ตลอดระยะเวลาการเป็นลูกจ้าง เมื่อพ้นสภาพการเป็นลูกจ้างแล้ว บริษัทจะทำการเก็บข้อมูลส่วนบุคคลไว้เป็นเวลา 10 ปี เว้นแต่กฎหมายอันเกี่ยวแรงงาน การบัญชีหรือการอื่นใดอันเกี่ยวกับการจ้างงานได้กำหนดระยะเวลาการเก็บรักษาไว้เป็นเวลาเกินกว่าที่บริษัทกำหนด ก็ให้ทำการเก็บรักษาตามระยะเวลาที่กฎหมายดังกล่าวกำหนด
3.สิทธิของ พนักงาน และผู้สมัครงาน
ท่านมีสิทธิ
(1) สิทธิในการเพิกถอนความยินยอมให้บริษัทประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน
(2) สิทธิในการเข้าถึงและรับสำเนาข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทได้เก็บรวบรวม ใช้ เปิดเผย
(3) สิทธิในการขอให้โอนย้ายข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน
(4) สิทธิในการคัดค้าน การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน
(5) สิทธิในการขอให้ลบ ทำลาย หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านซึ่งไม่อาจระบุตัวตนได้
(6) สิทธิในการระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน
(7) สิทธิในการขอแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้ถูกต้องเป็นปัจจุบัน สมบูรณ์ และไม่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิด
(8) สิทธิที่จะร้องเรียนในกรณีที่ท่านเห็นว่าถูกบริษัทหรือเจ้าหน้าที่หรือตัวแทนของบริษัทละเมิดสิทธิตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ.2562
การร้องขอใด ๆ เพื่อการใช้สิทธิของท่านตามที่กล่าวข้างต้น จะต้องกระทำเป็นลายลักษณ์อักษร / ระบบอิเล็กทรอนิกส์ ตามที่บริษัทกำหนด และบริษัทจะใช้ความพยายามอย่างดีที่สุดที่จะดำเนินการภายในระยะเวลาที่สมเหตุสมผล และไม่เกินระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด โดยบริษัทจะปฏิบัติตามข้อกำหนดทางกฎหมายที่เกี่ยวกับสิทธิของท่านในฐานะเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล
ข้อจำกัดในกรณีที่ท่านขอให้บริษัทลบ ทำลายข้อมูล ระงับ ขอให้โอน การคัดค้าน หรือทำให้ข้อมูลไม่สามารถระบุตัวตนได้ หรือถอนความยินยอม อาจทำให้เกิดข้อจำกัดกับบริษัทในการพิจารณาการสมัคร การจัดสิทธิหรือสวัสดิการตามระเบียบของบริษัท หรือไม่อาจสามารถดำเนินการให้ได้ ทั้งนี้ตามที่กฎหมายกำหนด